วันศุกร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
วันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
โครงการสนามเด็กเล่น #2 โรงเรียนบ้านท่าอาจ
วันนี้อยากมาเล่าถึงโรงเรียนอีกโรงเรียนหนึ่งที่มีความต้องการสนามเด็กเล่นเป็นอย่างมากเหมือนกัน คือโรงเรียนบ้านท่าอาจ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ครับ เนื่องจากอยู่ใกล้ชายแดนจึงต้องรับเด็กต่างด้าวมาเรียนร่วมกันค่อนข้างมาก วันที่พวกเราเข้าไปเยี่ยมที่โรงเรียนก็พอดีได้พบกับผู้อำนวยการโรงเรียน คืออาจารย์สุเทพกำลังเลื่อยไม่ไผ่อยู่อย่างขะมักขะเม่น ช่วงเวลาที่ใกล้เปิดเทอมเป็นเวลามีค่าในการปรับปรุงโรงเรียนและอุปกรณ์การเรียนการสอนครับ ในที่ไกลห่างไกลแบบนี้ผู้อำนวยการโรงเรียนคงจะมานั่งสั่งการอย่างเดียวไม่ได้ ทุกอย่างอยากได้มาให้โรงเรียนคงต้องดิ้นรนช่วยตัวเอง
จากที่ได้รับการบอกเล่าจากพี่มนิดา รองผู้อำนวนการเขตการศึกษา ในเรื่องของสนามเด็กเล่นของทีนี่ได้ความว่า โรงเรียนบ้านท่าอาจเคยมีสนามเด็กเล่นอยู่ก่อนแล้ว มีอยู่ทั้งหมด 5-6 ชิ้น แต่ทั้งหมดได้เสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา เหล็กผุสนิมเขรอะสภาพอย่างที่เห็น แต่เพราะเด็กกับของเล่นเป็นของคู่กัน ถึงจะพังอย่างไรก็มักมีเด็กๆเข้ามาแอบเล่นอยู่เสมอและมีอัตรายเกิดขึ้นบ่อยๆ จนถึงตอนนี้โรงเรียนทนไม่ไหวต้องเอามากองรวมกันและเอาเชือกกั้นไว้เพราะกลัวจะเกิดอันตราย โรงเรียนขนาดเด็กหลายร้อยคนแห่งนี้จึงต้องไร้สนามเด็กเล่นไปโดยปริยาย
พวกเราได้เข้าไปพูดคุยกับอาจารย์ประจำโรงเรียนบ้านท่าอาจ และขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรงเรียน ได้ข้อมูลบางส่วนดังนี้ครับ
โรงเรียนบ้านท่าอาจตั้งอยู่หมู่ที่ 3 ตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก อยู่แนวตะเข็บชายแดนห่างจากชายแดนเพียง
ระบบการเรียนการสอนโนโรงเรียนบ้านท่าอาจในปัจจุบัน ชั้นอนุบาล - ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยมีนักเรียนสัญชาติไทย 50 คน และไร้สัญชาติ 727 คน ข้าราชการครูจำนวน 8 คน โดยมี ครูสุเทพ ธรรมจักร์ เป็นผู้อำนวยการสถานศึกษา
- ภาคปกติ นักเรียนทุกคน เรียน 3 ภาษา คือ ภาษาไทย ภาษาพม่า ภาษาอังกฤษนักเรียน 366 คน
- Mini English Program เปิดสอนในปี การศึกษา 2550 ปัจจุบันมีนักเรียนเข้าร่วมโครงการ 90 คน
- School Whitin School เปิดสอนในปี การศึกษา 2552 ปัจจุบันมีนักเรียนในโครงการ 351 คน
กลางเดือนหน้ากลุ่มของพวกเราจะขึ้นไปที่แม่สอดอีกครั้ง เพื่อสรุปสิ่งที่เราจะทำให้กับทางโรงเรียนอย่างละเอียด แล้วจะกลับลงมากระจายข่าวเพื่อขอความช่วยเหลือจากคนที่สนใจต่อไปนะครับ
วันพฤหัสบดีที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
สนามเด็กเล่น #1 โรงเรียนบ้านทุ่งมะขามป้อม
ยอมรับครับว่าหลังจากที่กลับมาทำงานที่กรุงเทพ ชีวิตก็กลับไปเหมือนเดิมเกือบทุกกระเบียดนิ้ว กลับมาวุ่นวายยุ่งเหยิงเหมือนเดิม สังสรรค์หนักเหมือนเดิม ลดน้ำหนักไปได้กี่กิโลตอนไปอยู่ที่แม่สอด ตอนนี้กลับมาเท่าเดิมเปี้ยบ แย่จริงๆ ก็ยังดีครับที่ยังมีเชือกอีกเส้นหนึ่งที่เอาไปผูกติดไว้กับชีวิตที่แม่สอด นั่นก็คือโครงการสนามเด็กเล่นนั่นเอง ตอนนั้นคิดอย่างไรถึงได้เริ่มทำ แม้แต่ผมเองก็คงต้องกลับไปอ่านเพื่อฟื้นความจำเหมือนกันครับ
หลังจากที่ได้ถือวิสาสะตั้งเป็นโครงการเล็กๆโดยใช้บล็อกนี้เป็นสื่อกลางแบบไม่ค่อยเป็นทางการ เวลาผ่านไปแล้วสามสี่เดือน ในที่สุดเราก็ได้ทำการปรับปรุงสนามเด็กเล่นของโรงเรียนเล็กๆแห่งหนึ่งจนเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาผมได้กลับไปที่แม่สอดอีกครั้ง ไปดูให้เห็นกับตาว่าสนามเด็กเล่นเล็กๆในโรงเรียนเล็กๆเสร็จแล้วเป็นอย่างไร พร้อมๆกับไปสำรวจโรงเรียนที่จะทำโครงการต่อๆไปในอนาคต
โครงการนี้ค่าใช้จ่ายรวมทั้งหมด 30,000 บาท
เป็นค่าอุปกรณ์ = 20,923 บาท ประกอบไปด้วย ทราย 8 ลำ บล็อคสำเร็จ 265 ก้อน ปูนซีเมนต์ 15 ลูก หินเท 2 คิว เหล็ก 3 หุน 5 เส้น แม่สี / แปลงทาสี สีน้ำมัน 5 กระป๋อง กระดาษทราย 2 แผ่นน้ำมันสน 1 กระป๋อง ทินเนอร์ 1.5 กระป๋อง สีน้ำเงิน 1 กระป๋อง อุปกรณ์ซ่อมเครื่องเล่น เช่นถังเหล็กและอื่นๆ อีก 5 รายการ
เป็นค่าแรงช่าง4 คน 7 วัน = 4,200 บาท
เหลือเงินอีก 4,877 บาท นำไปซื้ออุปกรณ์เพิ่มเติม อีก 1 ชิ้น และเป็นค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่นๆ
ยอมรับครับว่าในตอนแรกสิ่งที่เรากลัวก็คือว่าเราจะใช้เงินที่ได้รับมาได้อย่างคุ้มค่ามั้ย สนามที่ออกมาจะเป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆมั้ย ก็พยายามที่จะเข้าไปช่วยออกไอเดียเข้าไปควบคุม แต่จริงๆแล้วช่วยอะไรไม่ค่อยได้เยอะหรอกครับ ที่มันออกมาได้ขนาดนี้คนที่มีส่วนอย่างมากก็คือ อาจารย์กฤษณะ ผอ.โรงเรียนบ้านทุ่งมะขามป้อม ที่ได้ออกแบบสนามและดูแลจนได้อย่างที่เห็น อาจารย์อยู่กับเด็กๆทุกวัน ผมว่าอาจารย์คงมีภาพสนามเด็กเล่นในใจอยู่แล้ว ต้องขอขอบคุณอาจารย์มาที่นี้ด้วยครับ
สิ่งที่ผมชอบเป็นพิเศษก็คือขอบสนามและพื้นทรายนุ่มๆที่น่าจะรองรับความซุกซนของเด็กๆได้เป็นอย่างดี
ได้ยินจากพี่มนิดาว่า ตั้งแต่เปิดเทอม เด็กๆไปเล่นกันสนุกมาก ไว้ปลายเดือนพฤษภาคมผมจะจัดทริปเล็กๆไปส่งมอบสนาม พร้อมๆกับเลี้ยงอาหารกลางวันเด็กๆซักมื้อ ถ้าใครมีของบริจาคก็ยินดีมากครับ สิ่งที่ขาดแคลนที่สุด ก็คงไม่พ้น เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม ส่วนของที่อยากได้เพื่อเสริมทักษะด้านการเรียนรู้ก็จะเป็นพวก เครื่องกีฬา ของเล่นต่างๆ อ้อ ผมแอบเห็นที่นี่เค้าพยายามสร้างห้องสอนคอมพิวเตอร์ด้วย แต่มีอยู่ไม่กี่เครื่อง ใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง ไม่พอหรอกครับ สำหรับเด็กร้อยกว่าคน
ดังนั้นหากใครมีคอมพิวเตอร์เก่าๆ หรือพรินเตอร์ไม่ใช้แล้วอยากบริจาคให้โรงเรียน ทางโรงเรียนคงจะยินดีมากๆ อาจารย์บอกว่า เก่าแค่ไหนก็ใช้ได้ครับ ให้เด็กๆได้มีทักษะกับคอมพิวเตอร์บ้าง ขอให้ใช้พิมพ์ดีดได้ก็เอาแล้วครับ
ทีนี้ถึงคราวต้องขอบคุณเพื่อนๆพี่ๆน้องๆทุกคนที่ร่วมด้วยช่วยกันสำหรับงานนี้ครับ ยอดรวมที่ได้รับบริจาคเป็นเงิน 17,730 บาท มากบ้างน้อยบ้างตามกำลังครับ ที่เหลือผมกับเล็กผู้ร่วมโครงการออกเพิ่มจนครบ ต้องขอบคุณผู้ร่วมบริจาคทุกคนซึ่งได้แก่
- คุณเล็ก โสมณี, คุณหลี PMTL
- คุณหุย MP
- พี่กัง, คุณจู, คุณเก๋ OGB
- น้องคะ, น้องต่อพงศ์, น้องออย NessPRO
- พี่วารุณี, พี่ใหม่และเพื่อนๆ Biotech
แล้วต้องขอบคุณล่วงหน้าน้องต้น จิรายุ แห่ง Info Leader ล่วงหน้าที่อาสาเป็นผู้บริจาครายใหญ่รายแรกสำหรับสนามเด็กเล่นโรงเรียนต่อไปด้วย
ก่อนจากมีเพลงน่ารักๆมาฝาก ผมว่าเข้ากันดีกับตอนนี้ :)
มาสร้างสนามเด็กเล่นกันเถอะ
สนามเด็กเล่นของผมอยู่ที่สวนลุมพินี ตอนเด็กๆคุณพ่อมักพาพวกเราไปเล่นอยู่บ่อยครั้ง สะพานเลื่อนทำด้วยหินอันใหญ่ ทางลงแยกออกได้เป็นสามทาง มีชิงช้าอันใหญ่ มีที่ให้มุดให้ปีนให้ป่าย วัยเด็กขนาดที่จำอะไรยังไม่ค่อยได้อย่างนั้น แต่กลับจำความสุขของการเล่นในที่แห่งนี้ได้อย่างแม่นยำ ตอนที่โตเป็นวัยรุ่นแล้ว เมื่อไหร่ตามที่ได้ไปวิ่งที่สวนลุม ถ้ามีจังหวะก็จะเข้าไปนั่งโยกชิงช้า แล้วใจก็นึกไปถึงความสุขในสมัยที่ยังเป็นเด็ก
มีเรื่องหนึ่งที่ติดใจผมอยู่ตอนไปทำงานที่แม่สอดก็คือการได้เห็นสนามเด็กเล่นสีสันสดใสที่กลุ่มทางอาสาสมัครต่างชาติกลุ่มหนึ่งได้ทำให้กับโรงเรียนสำหรับเด็กต่างด้าว หรือที่เรียกว่า Playground Project โครงการนี้เป็นโครงการสร้างสนามเด็กเล่นโดยแรงงานอาสาสมัครโดยใช้วัสดุรีไซเคิล เท่าที่ผมได้อยู่ที่นั่น ผมคิดว่ามันเป็นโครงการช่วยเหลือเด็กที่เจ๋งที่สุดเท่าที่ผมได้เห็นเลยทีเดียว ดีซะยิ่งกว่าโครงการหลักหลายล้านเหรียญที่องค์กรการกุศลหลายๆแห่งเอามาละลายเล่นอย่างเทียบกันไม่ได้ เพราะมันสร้างรอยยิ้มให้กับเด็กๆได้แบบตรงๆ และผมก็เชื่อว่าสนามเด็กเล่นมูลค่าไม่กี่หมื่นบาทเหล่านี้คงเป็นสิ่งที่จะติดอยู่ในความทรงจำของเด็กคนหนึ่งๆไปอีกนานทีเดียว
Playground Project (Because children have the right to PLAY)
ดู YouTube – Playground Project
ผมเดาว่าคงไม่มีเด็กคนไหนที่ไม่ชอบสนามเด็กเล่น
ช่วงหลังๆก่อนกลับจากแม่สอด มีโอกาสได้มาเยี่ยมโรงเรียนไทยอยู่บ่อยครั้งเหมือนกัน ไม่น่าเชื่อว่าหลายๆอย่างกลับเทียบกับของเด็กต่างด้าวไม่ได้ โดยเฉพาะที่เห็นได้ชัดก็คือสนามเด็กเล่นนี่ล่ะ ได้เห็นสีหน้าของเด็กๆต่างชาติบนผืนแผ่นดินไทยที่ได้เล่นกันบนสนามเด็กเล่นอย่างสนุกสนาน แล้วมาได้เห็นสนามเด็กเล่นของเด็กเล่นอันสุดแสนจะโทรมของเรา แล้วก็ให้คิดว่าเราชาวกรุงเทพที่มีโอกาสมากกว่า น่าจะสามารถแบ่งปันอะไรให้เด็กไทยในชนบทได้บ้าง การช่วยเหลือย่อมไม่มีการแบ่งเชื้อชาติ อันนี้แน่นอนอยู่แล้วครับ แต่บางทีขอเอียงมาให้เด็กไทยบ้าง คงไม่ว่ากัน
คิดได้ดังนี้ ไม่กี่เดือนที่ผ่านมาผมเลยได้ประสานกับอาจารย์โรงเรียนบ้านทุ่งมะขามป้อม อ.แม่สอด จังหวัด ตาก เรื่องสนามเด็กเล่นจนตอนนี้ได้เขียนออกมาเป็นโครงการ มีข้อมูลโรงเรียนโดยสังเขปตามที่ อาจารย์กฤษณะ เครืออยู่ เขียนมาให้ดังนี้ครับ
“โรงเรียนบ้านทุ่งมะขามป้อมเป็นโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็กตั้งอยู่ในชนบท จำนวนนักเรียนทั้งสิ้น 105 คน เด็กนักเรียนส่วนใหญ่มาจากครอบครัวที่มีฐานะยากจนยากจน ด้อยโอกาสทางการศึกษาการดำเนินชีวิตประจำวันเป็นไปตามธรรมชาติและวัฒนธรรมพื้นบ้าน คือ เรียบง่าย สมถะ รักสงบและสันโดษ ไม่ค่อยยอมรับความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาการสมัยใหม่เท่าที่ควร การจะพัฒนาเด็กและเยาวชนในเขตบริการ หมู่ที่ 4 บ้านทุ่งมะขามป้อม หมู่ที่ 8 บ้านห้วยสลุงและบ้านแพะ ให้บรรลุเป้าหมายเชิงปริมาณและคุณภาพตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2546 คือ การพัฒนาเด็กตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 ปี บนพื้นฐานการอบรมเลี้ยงดูและการส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ที่สนองต่อธรรมชาติและพัฒนาการทางด้าน ร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญาของเด็กแต่ละคน ตามศักยภาพ ภายใต้บริบทสังคม วัฒนธรรมที่เด็กอาศัยอยู่ ด้วยความรัก ความเอื้ออาทรและความเข้าใจของทุกคน เพื่อสร้างรากฐานคุณภาพชีวิตให้เด็กพัฒนาไปสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ เกิดคุณค่าต่อตนเองและสังคม ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 แต่เนื่องจากทางโรงเรียนยังขาดแคลนงบประมาณในการดำเนินการจัดหาเครื่องเล่นสนามกลางแจ้งและในร่มมาใช้ในการพัฒนาเด็กนักเรียนในโรงเรียน
ดังนั้น โรงเรียนบ้านทุ่งมะขามป้อม จึงได้จัดทำโครงการจัดหาเครื่องเล่นสนามกลางแจ้งและในร่ม ที่เหมาะสมเอื้อต่อการเรียนรู้และพัฒนาการทางด้านร่างกาย อารมณ์ สังคมให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทางด้านร่ายกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา และสามารถเรียนรู้ได้ตามศักยภาพของตนเอง แต่เนื่องจากทางโรงเรียนยังขาดแคลนงบประมาณในการดำเนินการจึงได้จัดทำโครงการขอรับการสนับสนุนจาก ผู้มีอุปการะคุณ ขึ้น”
ภาษาอาจจะราชการไปหน่อย เอาง่ายๆอย่างนี้ดีกว่าว่า
สภาพสนามเด็กเล่นแบบไทยๆ ที่โรงเรียนบ้านทุ่งมะขามป้อม
สนามเด็กเล่นที่พวกเราตั้งใจจะทำกันใหม่ครับ
ตอนแรกผมยอมรับว่า คิดไปไกลถึงขนาดอยากจะระดมชาวบ้าน กับเพื่อนๆในกรุงไปลงมือทำกันเองเลยวันเสาร์อาทิตย์ ให้เหมือนกับ Playground Project แต่หลังจากได้กลับมาทำงานได้ระยะหนึ่งก็เริ่มกลับมาเข้าใจสภาวะของคนกรุงเทพอันแสนจะรัดติ้วว่า คงจะส่งตัวเองไปบ่อยๆไม่ไหวเป็นแน่แท้ อย่างดีก็คงส่งได้แต่ใจกับเงินนั่นแหล่ะ คงต้องอาศัยความช่วยเหลือจากอาจารย์ที่โรงเรียนเป็นคนประสานงาน
โรงเรียนนี้ผมไปด้อมๆมองๆด้วยตัวเองมาหลายรอบแล้ว ของเก่าที่มีสุดแสนจะชำรุดทรุดโทรม ตอนแรกเราก็กะจะแค่ซ่อมแซมเฉยๆ โดยใช้เงินประมาณ สามหมื่นบาท แต่ด้วยความกลัวน้อยหน้าเด็กกระเหรี่ยง ผมเลยเสนออาจารย์ว่าอยากให้มีบ้านเด็กเล่น (Cubby House) สีสันสดใส หน้าตาประมาณรูปด้านล่างมาเพิ่มเติม (ถ้ามีเงินพออ่ะนะ) ราคาเท่าที่สำรวจประมาณ 1.5 – 2.5 หมื่นบาท แล้วแต่ความไฮโซ
อย่างอื่นทำลวกๆได้ แต่ถ้าเป็นของให้เด็กใช้แล้วล่ะก็ คงต้องทำให้ดีที่สุด ที่จริงเราก็เริ่มทำกันไปแล้วล่ะครับ โดยโครงการนี้คาดหวังให้เสร็จภายในต้นปีหน้า ถ้ามีใครสนใจอยากร่วมด้วยช่วยกัน ติดต่อได้ที่ผม (หนุ่ย) ได้เลยครับที่เบอร์โทร 0818417480 หรืออีเมล์ kittiu@gmail.com หรือจะช่วยด้วยการส่งข่าวต่อก็ยินดี
ส่วนซ่อมแซม ผมกับเพื่อนๆจะทำไปก่อนเลย เงินที่ได้มาเพิ่มจะเอาไปซื้อ Cubby House เพิ่มเติม หรือถ้ามีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมก็ยินดีรับฟังครับ
หมายเหตุ: บทความนี้เขียนไว้เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2552