วันพฤหัสบดีที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

มาสร้างสนามเด็กเล่นกันเถอะ

สนามเด็กเล่นของผมอยู่ที่สวนลุมพินี ตอนเด็กๆคุณพ่อมักพาพวกเราไปเล่นอยู่บ่อยครั้ง สะพานเลื่อนทำด้วยหินอันใหญ่ ทางลงแยกออกได้เป็นสามทาง มีชิงช้าอันใหญ่ มีที่ให้มุดให้ปีนให้ป่าย วัยเด็กขนาดที่จำอะไรยังไม่ค่อยได้อย่างนั้น แต่กลับจำความสุขของการเล่นในที่แห่งนี้ได้อย่างแม่นยำ ตอนที่โตเป็นวัยรุ่นแล้ว เมื่อไหร่ตามที่ได้ไปวิ่งที่สวนลุม ถ้ามีจังหวะก็จะเข้าไปนั่งโยกชิงช้า แล้วใจก็นึกไปถึงความสุขในสมัยที่ยังเป็นเด็ก

มีเรื่องหนึ่งที่ติดใจผมอยู่ตอนไปทำงานที่แม่สอดก็คือการได้เห็นสนามเด็กเล่นสีสันสดใสที่กลุ่มทางอาสาสมัครต่างชาติกลุ่มหนึ่งได้ทำให้กับโรงเรียนสำหรับเด็กต่างด้าว หรือที่เรียกว่า Playground Project โครงการนี้เป็นโครงการสร้างสนามเด็กเล่นโดยแรงงานอาสาสมัครโดยใช้วัสดุรีไซเคิล เท่าที่ผมได้อยู่ที่นั่น ผมคิดว่ามันเป็นโครงการช่วยเหลือเด็กที่เจ๋งที่สุดเท่าที่ผมได้เห็นเลยทีเดียว ดีซะยิ่งกว่าโครงการหลักหลายล้านเหรียญที่องค์กรการกุศลหลายๆแห่งเอามาละลายเล่นอย่างเทียบกันไม่ได้ เพราะมันสร้างรอยยิ้มให้กับเด็กๆได้แบบตรงๆ และผมก็เชื่อว่าสนามเด็กเล่นมูลค่าไม่กี่หมื่นบาทเหล่านี้คงเป็นสิ่งที่จะติดอยู่ในความทรงจำของเด็กคนหนึ่งๆไปอีกนานทีเดียว

Playground Project (Because children have the right to PLAY)

ดู YouTube – Playground Project

ผมเดาว่าคงไม่มีเด็กคนไหนที่ไม่ชอบสนามเด็กเล่น

ช่วงหลังๆก่อนกลับจากแม่สอด มีโอกาสได้มาเยี่ยมโรงเรียนไทยอยู่บ่อยครั้งเหมือนกัน ไม่น่าเชื่อว่าหลายๆอย่างกลับเทียบกับของเด็กต่างด้าวไม่ได้ โดยเฉพาะที่เห็นได้ชัดก็คือสนามเด็กเล่นนี่ล่ะ ได้เห็นสีหน้าของเด็กๆต่างชาติบนผืนแผ่นดินไทยที่ได้เล่นกันบนสนามเด็กเล่นอย่างสนุกสนาน แล้วมาได้เห็นสนามเด็กเล่นของเด็กเล่นอันสุดแสนจะโทรมของเรา แล้วก็ให้คิดว่าเราชาวกรุงเทพที่มีโอกาสมากกว่า น่าจะสามารถแบ่งปันอะไรให้เด็กไทยในชนบทได้บ้าง การช่วยเหลือย่อมไม่มีการแบ่งเชื้อชาติ อันนี้แน่นอนอยู่แล้วครับ แต่บางทีขอเอียงมาให้เด็กไทยบ้าง คงไม่ว่ากัน

คิดได้ดังนี้ ไม่กี่เดือนที่ผ่านมาผมเลยได้ประสานกับอาจารย์โรงเรียนบ้านทุ่งมะขามป้อม อ.แม่สอด จังหวัด ตาก เรื่องสนามเด็กเล่นจนตอนนี้ได้เขียนออกมาเป็นโครงการ มีข้อมูลโรงเรียนโดยสังเขปตามที่ อาจารย์กฤษณะ เครืออยู่ เขียนมาให้ดังนี้ครับ

“โรงเรียนบ้านทุ่งมะขามป้อมเป็นโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็กตั้งอยู่ในชนบท จำนวนนักเรียนทั้งสิ้น 105 คน เด็กนักเรียนส่วนใหญ่มาจากครอบครัวที่มีฐานะยากจนยากจน ด้อยโอกาสทางการศึกษาการดำเนินชีวิตประจำวันเป็นไปตามธรรมชาติและวัฒนธรรมพื้นบ้าน คือ เรียบง่าย สมถะ รักสงบและสันโดษ ไม่ค่อยยอมรับความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาการสมัยใหม่เท่าที่ควร การจะพัฒนาเด็กและเยาวชนในเขตบริการ หมู่ที่ 4 บ้านทุ่งมะขามป้อม หมู่ที่ 8 บ้านห้วยสลุงและบ้านแพะ ให้บรรลุเป้าหมายเชิงปริมาณและคุณภาพตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2546 คือ การพัฒนาเด็กตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 ปี บนพื้นฐานการอบรมเลี้ยงดูและการส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ที่สนองต่อธรรมชาติและพัฒนาการทางด้าน ร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญาของเด็กแต่ละคน ตามศักยภาพ ภายใต้บริบทสังคม วัฒนธรรมที่เด็กอาศัยอยู่ ด้วยความรัก ความเอื้ออาทรและความเข้าใจของทุกคน เพื่อสร้างรากฐานคุณภาพชีวิตให้เด็กพัฒนาไปสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ เกิดคุณค่าต่อตนเองและสังคม ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 แต่เนื่องจากทางโรงเรียนยังขาดแคลนงบประมาณในการดำเนินการจัดหาเครื่องเล่นสนามกลางแจ้งและในร่มมาใช้ในการพัฒนาเด็กนักเรียนในโรงเรียน

ดังนั้น โรงเรียนบ้านทุ่งมะขามป้อม จึงได้จัดทำโครงการจัดหาเครื่องเล่นสนามกลางแจ้งและในร่ม ที่เหมาะสมเอื้อต่อการเรียนรู้และพัฒนาการทางด้านร่างกาย อารมณ์ สังคมให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทางด้านร่ายกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา และสามารถเรียนรู้ได้ตามศักยภาพของตนเอง แต่เนื่องจากทางโรงเรียนยังขาดแคลนงบประมาณในการดำเนินการจึงได้จัดทำโครงการขอรับการสนับสนุนจาก ผู้มีอุปการะคุณ ขึ้น”

ภาษาอาจจะราชการไปหน่อย เอาง่ายๆอย่างนี้ดีกว่าว่า

สภาพสนามเด็กเล่นแบบไทยๆ ที่โรงเรียนบ้านทุ่งมะขามป้อม

image

สนามเด็กเล่นที่พวกเราตั้งใจจะทำกันใหม่ครับ

image

ตอนแรกผมยอมรับว่า คิดไปไกลถึงขนาดอยากจะระดมชาวบ้าน กับเพื่อนๆในกรุงไปลงมือทำกันเองเลยวันเสาร์อาทิตย์ ให้เหมือนกับ Playground Project แต่หลังจากได้กลับมาทำงานได้ระยะหนึ่งก็เริ่มกลับมาเข้าใจสภาวะของคนกรุงเทพอันแสนจะรัดติ้วว่า คงจะส่งตัวเองไปบ่อยๆไม่ไหวเป็นแน่แท้ อย่างดีก็คงส่งได้แต่ใจกับเงินนั่นแหล่ะ คงต้องอาศัยความช่วยเหลือจากอาจารย์ที่โรงเรียนเป็นคนประสานงาน

โรงเรียนนี้ผมไปด้อมๆมองๆด้วยตัวเองมาหลายรอบแล้ว ของเก่าที่มีสุดแสนจะชำรุดทรุดโทรม ตอนแรกเราก็กะจะแค่ซ่อมแซมเฉยๆ โดยใช้เงินประมาณ สามหมื่นบาท แต่ด้วยความกลัวน้อยหน้าเด็กกระเหรี่ยง ผมเลยเสนออาจารย์ว่าอยากให้มีบ้านเด็กเล่น (Cubby House) สีสันสดใส หน้าตาประมาณรูปด้านล่างมาเพิ่มเติม (ถ้ามีเงินพออ่ะนะ) ราคาเท่าที่สำรวจประมาณ 1.5 – 2.5 หมื่นบาท แล้วแต่ความไฮโซ

image image image

อย่างอื่นทำลวกๆได้ แต่ถ้าเป็นของให้เด็กใช้แล้วล่ะก็ คงต้องทำให้ดีที่สุด ที่จริงเราก็เริ่มทำกันไปแล้วล่ะครับ โดยโครงการนี้คาดหวังให้เสร็จภายในต้นปีหน้า ถ้ามีใครสนใจอยากร่วมด้วยช่วยกัน ติดต่อได้ที่ผม (หนุ่ย) ได้เลยครับที่เบอร์โทร 0818417480 หรืออีเมล์ kittiu@gmail.com หรือจะช่วยด้วยการส่งข่าวต่อก็ยินดี

ส่วนซ่อมแซม ผมกับเพื่อนๆจะทำไปก่อนเลย เงินที่ได้มาเพิ่มจะเอาไปซื้อ Cubby House เพิ่มเติม หรือถ้ามีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมก็ยินดีรับฟังครับ


หมายเหตุ: บทความนี้เขียนไว้เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2552

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น