วันอาทิตย์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เริ่มแล้ว ประกวดสนามเด็กเล่นสำหรับเด็กแนวเจ๋งที่สุดในโลก เพื่อเด็กไทยและชายขอบ

ได้ฤกษ์เปิดตัวซะทีกับการประกวดออกแบบสนามเด็กเล่นเด็กแนว(ตะเข็บชายแดน) โรงเรียนบ้าท่าอาจ แม่สอด จังหวัดตาก เปิดรับสมัครผู้แข่งขันจากทั่วโลก ที่ Open Architecture Network - http://openarchitecturenetwork.org/competitions/playforall (อยากให้มีคนไทยเก่งๆมาสมัครด้วยจัง คนไทยเก่งไม่แพ้ใครอยู่แล้ว มีใครมี Network พวกเด็กถาปัดบ้างช่วงส่งต่อให้ด้วยนะครับ)



วันอาทิตย์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2553

Go Play กับสนามเด็กเล่นโครงการ 2 – โรงเรียนบ้านท่าอาจ

“Play is an essential and integral part of all children’s healthy growth, development, and learning. Play is a dynamic process that develops and changes as it becomes increasingly more varied and complex. It is considered a key facilitator for learning and development across domains, and reflects the social and cultural contexts in which children live”.

(Isenberg, Quisenberry, 2002 http://www.udel.edu/bateman/acei/playpaper.htm)

ช่วงอยู่ที่แม่สอดปี 2009 ผมเคยรู้สึกชื่นชมโครงการสนามเด็กเล่นของอาสาสมัครต่างชาติกลุ่มเล็กๆกลุ่มหนึ่งที่ทำให้กับโรงเรียนเด็กต่างด้าว สนามที่เด็กๆเห็นแล้วต้องกรี๊ดกันแทบทุกคน สนามเด็กเล่นจากวัสดุธรรมชาติที่ออกแบบอย่างสร้างสรรค์ คอนเซปท์การทำงานที่เน้นความมือร่วมใจของโรงเรียนและอาสาสมัครจากที่ต่างๆ ที่ทุกคนมีส่วนร่วมในกระบวนการ “แบ่งปัน”

มันเป็นสนามเด็กเล่นที่เจ๋งที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา…จริงๆ

ตัวอย่างที่ Go Play เคยสร้าง http://www.youtube.com/watch?v=vGHrJURPcro

แทบกลับตาลปัตรกับภาพสนามเด็กเล่นในโรงเรียนไทยของเราโรงเรียนแล้วโรงเรียนเล่าที่ผมได้แวะผ่านไปเห็น ก็เข้าใจครับว่ามันคงไม่ได้สำคัญเท่ากับปัจจัยสี่อย่าง อาหาร หรือยารักษาโรค…สนามของเด็กเลยต้องเป็นความจำเป็นเร่งด่วนระดับท้ายๆ

เค้าว่าสนามเด็กเล่นเป็นสที่เสริมสร้างการเจริญเติบโต บ่มเพาะจินตนาการ และการเข้าร่วมสังคม

ผมกับเพื่อนอีกสองสามคน คือ เล็กกับน้องต้น ก็เลยคิดกันว่า ถ้าอยากใช้ช่วงเวลาที่เหลืออยู่ให้มีประโยชน์บ้าง สนามเด็กเล่นน่าจะเป็นสิ่งที่น่าลอง ได้แต่คิดแล้วไม่ทำก็คงไม่มีประโยชน์ ก็เลยเริ่มทำกันแบบมั่วๆไปก่อน เสร็จไปหนึ่งโครงการกับโรงเรียนบ้านทุ่งมะขามป้อม (ที่จริงน่ะอยากทำให้ได้แบบ Go Play Project เค้าทำ แต่ไม่มีปัญญา)

มาถึงโครงการที่สอง โรงเรียนบ้านท่าอาจ ช่วงกำลังจะเริ่มตอกเสาให้กับโรงเรียนอยู่รอมร่อ ก็พอดีมีข่าวดีจากเพื่อนในวงการคือป้าเพ็ญของเรา (Penny Thame) ไปได้ข่าวเรื่อง Go Play กำลังคัดเลือกโรงเรียนในประเทศไทยเพื่อจะใช้เป็น Ground สำหรับการประกวดการออกแบบสนามเด็กเล่นแนวคิดใหม่

โดยที่การประกวดนี้ถูกเปิดตัวขึ้นที่ประเทศออสเตรเลียโดยกลุ่มทางด้านการออกแบบที่ชื่อว่า AILA Fresh ร่วมกับ Go Play

โดยข้อกำหนดของการแข่งขันคร่าวๆก็มีอยู่ว่า

  • สร้างบนพื้นที่ 15x15 เมตร
  • ออกแบบโดยคำนึงถึงความปลอดภัยตามาตรฐานยุโรป
  • ต้องใช้วัสดุราคาถูกหรือหาได้เปล่าจากท้องถิ่น เช่น ยาง, ท่อนไม้, ท่อเหล็กทั่วไป และอื่นๆตามที่หาได้จากของรีไซเคิล
  • ออกแบบ (แต่ไม่จำเป็นต้องทุกชิ้น) สำหรับเด็กๆทุกวัยและทุกสภาพร่างกายรวมทั้งเด็กพิเศษ
  • การออกแบบต้องคำนึงถึงพัฒนาการของเด็กๆทุกด้าน เช่น เร็ว ช้า ดัง เบา ความคิดสร้างสรรค์ การสร้างกล้ามเนื้อ การสื่อสาร ปัญญา การแก้ปัญหา การแข่งขันและการร่วมมือ มิตรภาพ และการสันโดษ ความสนุก ความเป็นธรรมชาติ และอื่นๆอีกมากมาย (โอออ…สนามเด็กเล่นเทพ)

Go Play โดยจอห์และมาร์คัส บอกว่ามันจะเป็นสนามเด็กเล่นที่ดีที่สุดที่ Go Play เคยออกแบบมาเลยทีเดียว แต่มีข้อแม้ว่าทางผู้ส่งจะต้องหาทุนและหาแรงงานสำหรับการก่อสร้างทั้งหมดเอง โดย Go Play จะทำหน้าที่เป็นผู้ออกแบบและจัดการโครงการให้

ฟังแล้วก็ตาโตสิครับ โอกาสแบบนี้หาไม่ได้อีกแล้ว แม้ว่าจะต้องเปลี่ยนจาก มินิโปรเจคมาเป็นเมกกะโปรเจคก็ตาม มองยังไงก็คุ้ม เพราะสิ่งที่สำคัญที่จะได้ก็คือ ความรู้ และสนามเด็กเล่นต้นแบบ ที่พร้อมขยายผลต่อไปในอนาคตในโรงเรียนอื่นๆท่ต้องการ

และด้วยความช่วยเหลือสนับสนุนของหลายๆคน ผอ.โรงเรียน ที่ช่วยกันล็อบบี้ + สร้างภาพ ในที่สุดโรงเรียนบ้านท่าอาจของเราก็ได้รับเลือกมาจนได้ ต้องขอบคุณหน้าม้าทุกท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ ตอนนี้กำลังประกวดออกแบบกันอยู่ การก่อสร้างจะอยู่ในช่วงเดือน มกรา – กุมภา ปี 2011 อากาศกำลังหนาวๆ สงสัยจะได้หยุดงานออกไปใช้แรงงานอีกรอบซะแล้วสิ

เรายังต้องการความช่วยเหลืออีกเยอะครับ หากสนใจร่วมแบ่งปันติดต่อได้ที่ หนุ่ย 0818417480, kittiu@gmail.com

วันอังคารที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2553

สนามเด็กเล่นต้นแบบ

........อย่ากลัวที่จะเริ่ม เพราะเริ่มแล้วอาจจะดีกว่าคิด.....

กลุ่มไม้กระดก “มีข่าวดีมาบอกกกกก” เราได้รับข่าวว่าองค์กรชื่อ Goplayproject กำลังมองหาโรงเรียนที่จะสร้างสนามเด็กเล่นเพราะทางเค้าจะมีการนำแบบแปลนสนามเด็กเล่นที่ชนะการแข่งขันการออกแบบระดับโลกมาสร้างจริงให้เด็กๆ แต่โรงเรียนนั้นๆ ก็ต้องมีคุณสมบัติตรงตามที่เค้าต้องการอยู่บ้าง เช่น จำนวนนักเรียน พื้นที่ เป็นต้น เพื่อที่เค้าจะได้แบ่งปันไอเดีย ความรู้ รวมถึงการจัดการสนามเด็กเล่น จากประสบการณ์ของเค้าและเพื่อนๆ ให้คนอื่นๆ ที่สนใจ (อุ๊เหม่! มันคือ Open Source อีกชนิดนี่เอง)

GoPlayproject http://www.goplayproject.org/ เป็นองค์กรสัญชาติออสเตรเลีย แต่ผู้ก่อตั้ง มาคัส (Marcus) เคยมาทำงานที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ประเทศไทยเรานี่เอง และได้ทำสนามเด็กเล่นให้ศูนย์การศึกษาของเด็กต่างด้าวในพื้นที่ จากการเสพย์ติดความสุขชนิดนี้ มาคัสได้กลับไปก่อตั้งองค์กร แล้วเค้าก็อยากจะกลับมาส่งเสริมความสุขชนิดนี้ให้ขยายออกไป กลุ่มไม้กระดกซึ่งกำลังจะเริ่มลงมือสร้างความสุขให้เด็กๆ ที่โรงเรียนบ้านท่าอาจ ก็เลยถึงกับสะดุดด้วยความดีใจ จึงได้ติดต่อ มาคัส ไปว่าเราสนใจโครงการนี้ ฟ้าช่างเป็นใจเสียนี่กระไร มาคัส มีท่าทางสนใจโรงเรียนเราเช่นกัน เพราะไม่เพียงแต่มีเด็กไทยแต่มีเด็กต่างด้าวร่วมเรียนอยู่ด้วย (เห็นมะ คนไทยไม่เคยทิ้งกัน และ ไม่เคยทิ้งใคร) กระบวนการการติดต่อและขอข้อมูลจึงได้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง และอาทิตย์หน้านี้ (21-22 สิงหาคม 2553) พวกเราจะขึ้นไปพูดคุยกับท่าน ผอ. และ อาจารย์โรงเรียนบ้านท่าอาจพร้อมเก็บรายละเอียดให้มากขึ้นเพื่อดำเนินการประสานงานกับ มาคัส ต่อไป ว่าเราจะมีคุณสมบัติครบในการร่วมโครงการหรือไม่ ถ้าเราได้ร่วมโครงการนี้เด็กๆ อาจจะต้องรอสนามเด็กเล่นนานหน่อย แต่จะได้สนามที่ใหญ่ขึ้น และน่าเล่นมากๆ และที่สำคัญไปกว่านั้น พวกเรากลุ่มไม้กระดกตั้งใจที่จะเข้าร่วมการสร้างสนามครั้งนี้เพื่อเรียนรู้ และเก็บเกี่ยว Know-how ในการทำสนามเด็กเล่นที่น่าเล่น มีคุณภาพและปลอดภัย เพื่อที่จะผลักดันให้เป็น “สนามเด็กเล่นต้นแบบ” ในกลุ่มของเราและขยายผลต่อๆ ไปในวงการการศึกษาเพื่อเด็กๆ ทั่วประเทศไทย (เราคิดใหญ่ไม่คิดเล็ก) เพราะเราเชื่อว่าเมื่อมีแขกผู้ใหญ่ในวงการการศึกษา ผอ. อาจารย์ใหญ่ หรือครูใหญ่ มาเยี่ยมและเห็นสนามเด็กเล่นแล้ว ต้องเกิดความรู้สึกอยากสร้างความสุขนี้ให้กับเด็กๆ ในโรงเรียนตัวเองอย่างแน่นอน

อย่างที่จั่วหัวไว้เมื่อตอนต้น Day-1 ที่เราจะเริ่มสร้างสนามแรก เราก็มุ่งมั่นจะให้เป็นโครงการที่ยั่งยืนแต่เราก็ “กลัว” ว่ามันจะล่มและมีแค่สนามเดียว แต่ในที่สุดเราก็ข้ามความกลัวครั้งนั้นมาและไม่ลืมที่จะฝันต่อ วันนี้ถึงแม้เรายังจะไม่ได้เข้าร่วมโครงการที่เล่ามา แต่เราก็ถือว่า เรามา “ไกล” กว่าวันแรกที่คิดแล้ว เรามีแหล่งความรู้และคนที่มีความรู้ไว้พูดคุยเพื่อสานต่อ....ขอขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจ.....

..................ความสำเร็จไม่ได้อยู่ที่การได้มา แต่อยู่ที่การได้ลงมือทำ...........

สนามที่เคยสร้างไว้ในประเทศไทย

New playgrounds in N Thailand

วันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

โครงการสนามเด็กเล่น #2 โรงเรียนบ้านท่าอาจ

วันนี้อยากมาเล่าถึงโรงเรียนอีกโรงเรียนหนึ่งที่มีความต้องการสนามเด็กเล่นเป็นอย่างมากเหมือนกัน คือโรงเรียนบ้านท่าอาจ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ครับ เนื่องจากอยู่ใกล้ชายแดนจึงต้องรับเด็กต่างด้าวมาเรียนร่วมกันค่อนข้างมาก วันที่พวกเราเข้าไปเยี่ยมที่โรงเรียนก็พอดีได้พบกับผู้อำนวยการโรงเรียน คืออาจารย์สุเทพกำลังเลื่อยไม่ไผ่อยู่อย่างขะมักขะเม่น ช่วงเวลาที่ใกล้เปิดเทอมเป็นเวลามีค่าในการปรับปรุงโรงเรียนและอุปกรณ์การเรียนการสอนครับ ในที่ไกลห่างไกลแบบนี้ผู้อำนวยการโรงเรียนคงจะมานั่งสั่งการอย่างเดียวไม่ได้ ทุกอย่างอยากได้มาให้โรงเรียนคงต้องดิ้นรนช่วยตัวเอง



จากที่ได้รับการบอกเล่าจากพี่มนิดา รองผู้อำนวนการเขตการศึกษา ในเรื่องของสนามเด็กเล่นของทีนี่ได้ความว่า โรงเรียนบ้านท่าอาจเคยมีสนามเด็กเล่นอยู่ก่อนแล้ว มีอยู่ทั้งหมด 5-6 ชิ้น แต่ทั้งหมดได้เสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา เหล็กผุสนิมเขรอะสภาพอย่างที่เห็น แต่เพราะเด็กกับของเล่นเป็นของคู่กัน ถึงจะพังอย่างไรก็มักมีเด็กๆเข้ามาแอบเล่นอยู่เสมอและมีอัตรายเกิดขึ้นบ่อยๆ จนถึงตอนนี้โรงเรียนทนไม่ไหวต้องเอามากองรวมกันและเอาเชือกกั้นไว้เพราะกลัวจะเกิดอันตราย โรงเรียนขนาดเด็กหลายร้อยคนแห่งนี้จึงต้องไร้สนามเด็กเล่นไปโดยปริยาย

พวกเราได้เข้าไปพูดคุยกับอาจารย์ประจำโรงเรียนบ้านท่าอาจ และขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรงเรียน ได้ข้อมูลบางส่วนดังนี้ครับ

โรงเรียนบ้านท่าอาจตั้งอยู่หมู่ที่ 3 ตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก อยู่แนวตะเข็บชายแดนห่างจากชายแดนเพียง 50 เมตร มีเขตติดต่อกับประเทศเมียนม่าร์ นักเรียนมีหลายชาติพันธุ์ ทั้ง ไทยใหญ่ พม่า กะเหรี่ยงและอื่นๆ มีเอกลักษณะพิเศษคือภาษาพูด ใช้ภาษาพม่า และภาษาไทยใหญ่ ใช้ในการสื่อสารและการค้าขายตามชายแดน

ระบบการเรียนการสอนโนโรงเรียนบ้านท่าอาจในปัจจุบัน ชั้นอนุบาล - ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยมีนักเรียนสัญชาติไทย 50 คน และไร้สัญชาติ 727 คน ข้าราชการครูจำนวน 8 คน โดยมี ครูสุเทพ ธรรมจักร์ เป็นผู้อำนวยการสถานศึกษา

  1. ภาคปกติ นักเรียนทุกคน เรียน 3 ภาษา คือ ภาษาไทย ภาษาพม่า ภาษาอังกฤษนักเรียน 366 คน
  2. Mini English Program เปิดสอนในปี การศึกษา 2550 ปัจจุบันมีนักเรียนเข้าร่วมโครงการ 90 คน
  3. School Whitin School เปิดสอนในปี การศึกษา 2552 ปัจจุบันมีนักเรียนในโครงการ 351 คน
ปัญหาส่วนใหญ่คือเรื่องการขาดแคลนเรื่องทรัพยากร ที่สำคัญที่สุดคงหนึไม่พ้นทรัพยากรบุคคล นักเรียน 700 ครู 8 คน ดูไม่สมดุลเอาเลย สนามเด็กเล่นใหม่แม้จะแลกไม่ได้กับการมีครูเพิ่มหนึ่งคน แต่น่าจะช่วยเป็นแรงใจให้กับใครหลายคนในวงการศึกษาได้ไม่น้อย

กลางเดือนหน้ากลุ่มของพวกเราจะขึ้นไปที่แม่สอดอีกครั้ง เพื่อสรุปสิ่งที่เราจะทำให้กับทางโรงเรียนอย่างละเอียด แล้วจะกลับลงมากระจายข่าวเพื่อขอความช่วยเหลือจากคนที่สนใจต่อไปนะครับ

วันพฤหัสบดีที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

สนามเด็กเล่น #1 โรงเรียนบ้านทุ่งมะขามป้อม

ยอมรับครับว่าหลังจากที่กลับมาทำงานที่กรุงเทพ ชีวิตก็กลับไปเหมือนเดิมเกือบทุกกระเบียดนิ้ว กลับมาวุ่นวายยุ่งเหยิงเหมือนเดิม สังสรรค์หนักเหมือนเดิม ลดน้ำหนักไปได้กี่กิโลตอนไปอยู่ที่แม่สอด ตอนนี้กลับมาเท่าเดิมเปี้ยบ แย่จริงๆ ก็ยังดีครับที่ยังมีเชือกอีกเส้นหนึ่งที่เอาไปผูกติดไว้กับชีวิตที่แม่สอด นั่นก็คือโครงการสนามเด็กเล่นนั่นเอง ตอนนั้นคิดอย่างไรถึงได้เริ่มทำ แม้แต่ผมเองก็คงต้องกลับไปอ่านเพื่อฟื้นความจำเหมือนกันครับ

หลังจากที่ได้ถือวิสาสะตั้งเป็นโครงการเล็กๆโดยใช้บล็อกนี้เป็นสื่อกลางแบบไม่ค่อยเป็นทางการ เวลาผ่านไปแล้วสามสี่เดือน ในที่สุดเราก็ได้ทำการปรับปรุงสนามเด็กเล่นของโรงเรียนเล็กๆแห่งหนึ่งจนเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาผมได้กลับไปที่แม่สอดอีกครั้ง ไปดูให้เห็นกับตาว่าสนามเด็กเล่นเล็กๆในโรงเรียนเล็กๆเสร็จแล้วเป็นอย่างไร พร้อมๆกับไปสำรวจโรงเรียนที่จะทำโครงการต่อๆไปในอนาคต

โครงการนี้ค่าใช้จ่ายรวมทั้งหมด 30,000 บาท

เป็นค่าอุปกรณ์ = 20,923 บาท ประกอบไปด้วย ทราย 8 ลำ บล็อคสำเร็จ 265 ก้อน ปูนซีเมนต์ 15 ลูก หินเท 2 คิว เหล็ก 3 หุน 5 เส้น แม่สี / แปลงทาสี สีน้ำมัน 5 กระป๋อง กระดาษทราย 2 แผ่นน้ำมันสน 1 กระป๋อง ทินเนอร์ 1.5 กระป๋อง สีน้ำเงิน 1 กระป๋อง อุปกรณ์ซ่อมเครื่องเล่น เช่นถังเหล็กและอื่นๆ อีก 5 รายการ

เป็นค่าแรงช่าง4 คน 7 วัน = 4,200 บาท

เหลือเงินอีก 4,877 บาท นำไปซื้ออุปกรณ์เพิ่มเติม อีก 1 ชิ้น และเป็นค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่นๆ

ยอมรับครับว่าในตอนแรกสิ่งที่เรากลัวก็คือว่าเราจะใช้เงินที่ได้รับมาได้อย่างคุ้มค่ามั้ย สนามที่ออกมาจะเป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆมั้ย ก็พยายามที่จะเข้าไปช่วยออกไอเดียเข้าไปควบคุม แต่จริงๆแล้วช่วยอะไรไม่ค่อยได้เยอะหรอกครับ ที่มันออกมาได้ขนาดนี้คนที่มีส่วนอย่างมากก็คือ อาจารย์กฤษณะ ผอ.โรงเรียนบ้านทุ่งมะขามป้อม ที่ได้ออกแบบสนามและดูแลจนได้อย่างที่เห็น อาจารย์อยู่กับเด็กๆทุกวัน ผมว่าอาจารย์คงมีภาพสนามเด็กเล่นในใจอยู่แล้ว ต้องขอขอบคุณอาจารย์มาที่นี้ด้วยครับ

สิ่งที่ผมชอบเป็นพิเศษก็คือขอบสนามและพื้นทรายนุ่มๆที่น่าจะรองรับความซุกซนของเด็กๆได้เป็นอย่างดี

DSCF1609

DSCF1659 DSCF1658 DSCF1661

ได้ยินจากพี่มนิดาว่า ตั้งแต่เปิดเทอม เด็กๆไปเล่นกันสนุกมาก ไว้ปลายเดือนพฤษภาคมผมจะจัดทริปเล็กๆไปส่งมอบสนาม พร้อมๆกับเลี้ยงอาหารกลางวันเด็กๆซักมื้อ ถ้าใครมีของบริจาคก็ยินดีมากครับ สิ่งที่ขาดแคลนที่สุด ก็คงไม่พ้น เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม ส่วนของที่อยากได้เพื่อเสริมทักษะด้านการเรียนรู้ก็จะเป็นพวก เครื่องกีฬา ของเล่นต่างๆ อ้อ ผมแอบเห็นที่นี่เค้าพยายามสร้างห้องสอนคอมพิวเตอร์ด้วย แต่มีอยู่ไม่กี่เครื่อง ใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง ไม่พอหรอกครับ สำหรับเด็กร้อยกว่าคน

IMG_4094 DSC01387 DSC01391

ดังนั้นหากใครมีคอมพิวเตอร์เก่าๆ หรือพรินเตอร์ไม่ใช้แล้วอยากบริจาคให้โรงเรียน ทางโรงเรียนคงจะยินดีมากๆ อาจารย์บอกว่า เก่าแค่ไหนก็ใช้ได้ครับ ให้เด็กๆได้มีทักษะกับคอมพิวเตอร์บ้าง ขอให้ใช้พิมพ์ดีดได้ก็เอาแล้วครับ

ทีนี้ถึงคราวต้องขอบคุณเพื่อนๆพี่ๆน้องๆทุกคนที่ร่วมด้วยช่วยกันสำหรับงานนี้ครับ ยอดรวมที่ได้รับบริจาคเป็นเงิน 17,730 บาท มากบ้างน้อยบ้างตามกำลังครับ ที่เหลือผมกับเล็กผู้ร่วมโครงการออกเพิ่มจนครบ ต้องขอบคุณผู้ร่วมบริจาคทุกคนซึ่งได้แก่

  • คุณเล็ก โสมณี, คุณหลี PMTL
  • คุณหุย MP
  • พี่กัง, คุณจู, คุณเก๋ OGB
  • น้องคะ, น้องต่อพงศ์, น้องออย NessPRO
  • พี่วารุณี, พี่ใหม่และเพื่อนๆ Biotech

แล้วต้องขอบคุณล่วงหน้าน้องต้น จิรายุ แห่ง Info Leader ล่วงหน้าที่อาสาเป็นผู้บริจาครายใหญ่รายแรกสำหรับสนามเด็กเล่นโรงเรียนต่อไปด้วย

ก่อนจากมีเพลงน่ารักๆมาฝาก ผมว่าเข้ากันดีกับตอนนี้ :)

http://www.youtube.com/watch?v=WwOvkuIq_mU

มาสร้างสนามเด็กเล่นกันเถอะ

สนามเด็กเล่นของผมอยู่ที่สวนลุมพินี ตอนเด็กๆคุณพ่อมักพาพวกเราไปเล่นอยู่บ่อยครั้ง สะพานเลื่อนทำด้วยหินอันใหญ่ ทางลงแยกออกได้เป็นสามทาง มีชิงช้าอันใหญ่ มีที่ให้มุดให้ปีนให้ป่าย วัยเด็กขนาดที่จำอะไรยังไม่ค่อยได้อย่างนั้น แต่กลับจำความสุขของการเล่นในที่แห่งนี้ได้อย่างแม่นยำ ตอนที่โตเป็นวัยรุ่นแล้ว เมื่อไหร่ตามที่ได้ไปวิ่งที่สวนลุม ถ้ามีจังหวะก็จะเข้าไปนั่งโยกชิงช้า แล้วใจก็นึกไปถึงความสุขในสมัยที่ยังเป็นเด็ก

มีเรื่องหนึ่งที่ติดใจผมอยู่ตอนไปทำงานที่แม่สอดก็คือการได้เห็นสนามเด็กเล่นสีสันสดใสที่กลุ่มทางอาสาสมัครต่างชาติกลุ่มหนึ่งได้ทำให้กับโรงเรียนสำหรับเด็กต่างด้าว หรือที่เรียกว่า Playground Project โครงการนี้เป็นโครงการสร้างสนามเด็กเล่นโดยแรงงานอาสาสมัครโดยใช้วัสดุรีไซเคิล เท่าที่ผมได้อยู่ที่นั่น ผมคิดว่ามันเป็นโครงการช่วยเหลือเด็กที่เจ๋งที่สุดเท่าที่ผมได้เห็นเลยทีเดียว ดีซะยิ่งกว่าโครงการหลักหลายล้านเหรียญที่องค์กรการกุศลหลายๆแห่งเอามาละลายเล่นอย่างเทียบกันไม่ได้ เพราะมันสร้างรอยยิ้มให้กับเด็กๆได้แบบตรงๆ และผมก็เชื่อว่าสนามเด็กเล่นมูลค่าไม่กี่หมื่นบาทเหล่านี้คงเป็นสิ่งที่จะติดอยู่ในความทรงจำของเด็กคนหนึ่งๆไปอีกนานทีเดียว

Playground Project (Because children have the right to PLAY)

ดู YouTube – Playground Project

ผมเดาว่าคงไม่มีเด็กคนไหนที่ไม่ชอบสนามเด็กเล่น

ช่วงหลังๆก่อนกลับจากแม่สอด มีโอกาสได้มาเยี่ยมโรงเรียนไทยอยู่บ่อยครั้งเหมือนกัน ไม่น่าเชื่อว่าหลายๆอย่างกลับเทียบกับของเด็กต่างด้าวไม่ได้ โดยเฉพาะที่เห็นได้ชัดก็คือสนามเด็กเล่นนี่ล่ะ ได้เห็นสีหน้าของเด็กๆต่างชาติบนผืนแผ่นดินไทยที่ได้เล่นกันบนสนามเด็กเล่นอย่างสนุกสนาน แล้วมาได้เห็นสนามเด็กเล่นของเด็กเล่นอันสุดแสนจะโทรมของเรา แล้วก็ให้คิดว่าเราชาวกรุงเทพที่มีโอกาสมากกว่า น่าจะสามารถแบ่งปันอะไรให้เด็กไทยในชนบทได้บ้าง การช่วยเหลือย่อมไม่มีการแบ่งเชื้อชาติ อันนี้แน่นอนอยู่แล้วครับ แต่บางทีขอเอียงมาให้เด็กไทยบ้าง คงไม่ว่ากัน

คิดได้ดังนี้ ไม่กี่เดือนที่ผ่านมาผมเลยได้ประสานกับอาจารย์โรงเรียนบ้านทุ่งมะขามป้อม อ.แม่สอด จังหวัด ตาก เรื่องสนามเด็กเล่นจนตอนนี้ได้เขียนออกมาเป็นโครงการ มีข้อมูลโรงเรียนโดยสังเขปตามที่ อาจารย์กฤษณะ เครืออยู่ เขียนมาให้ดังนี้ครับ

“โรงเรียนบ้านทุ่งมะขามป้อมเป็นโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็กตั้งอยู่ในชนบท จำนวนนักเรียนทั้งสิ้น 105 คน เด็กนักเรียนส่วนใหญ่มาจากครอบครัวที่มีฐานะยากจนยากจน ด้อยโอกาสทางการศึกษาการดำเนินชีวิตประจำวันเป็นไปตามธรรมชาติและวัฒนธรรมพื้นบ้าน คือ เรียบง่าย สมถะ รักสงบและสันโดษ ไม่ค่อยยอมรับความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาการสมัยใหม่เท่าที่ควร การจะพัฒนาเด็กและเยาวชนในเขตบริการ หมู่ที่ 4 บ้านทุ่งมะขามป้อม หมู่ที่ 8 บ้านห้วยสลุงและบ้านแพะ ให้บรรลุเป้าหมายเชิงปริมาณและคุณภาพตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2546 คือ การพัฒนาเด็กตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 ปี บนพื้นฐานการอบรมเลี้ยงดูและการส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ที่สนองต่อธรรมชาติและพัฒนาการทางด้าน ร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญาของเด็กแต่ละคน ตามศักยภาพ ภายใต้บริบทสังคม วัฒนธรรมที่เด็กอาศัยอยู่ ด้วยความรัก ความเอื้ออาทรและความเข้าใจของทุกคน เพื่อสร้างรากฐานคุณภาพชีวิตให้เด็กพัฒนาไปสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ เกิดคุณค่าต่อตนเองและสังคม ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 แต่เนื่องจากทางโรงเรียนยังขาดแคลนงบประมาณในการดำเนินการจัดหาเครื่องเล่นสนามกลางแจ้งและในร่มมาใช้ในการพัฒนาเด็กนักเรียนในโรงเรียน

ดังนั้น โรงเรียนบ้านทุ่งมะขามป้อม จึงได้จัดทำโครงการจัดหาเครื่องเล่นสนามกลางแจ้งและในร่ม ที่เหมาะสมเอื้อต่อการเรียนรู้และพัฒนาการทางด้านร่างกาย อารมณ์ สังคมให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทางด้านร่ายกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา และสามารถเรียนรู้ได้ตามศักยภาพของตนเอง แต่เนื่องจากทางโรงเรียนยังขาดแคลนงบประมาณในการดำเนินการจึงได้จัดทำโครงการขอรับการสนับสนุนจาก ผู้มีอุปการะคุณ ขึ้น”

ภาษาอาจจะราชการไปหน่อย เอาง่ายๆอย่างนี้ดีกว่าว่า

สภาพสนามเด็กเล่นแบบไทยๆ ที่โรงเรียนบ้านทุ่งมะขามป้อม

image

สนามเด็กเล่นที่พวกเราตั้งใจจะทำกันใหม่ครับ

image

ตอนแรกผมยอมรับว่า คิดไปไกลถึงขนาดอยากจะระดมชาวบ้าน กับเพื่อนๆในกรุงไปลงมือทำกันเองเลยวันเสาร์อาทิตย์ ให้เหมือนกับ Playground Project แต่หลังจากได้กลับมาทำงานได้ระยะหนึ่งก็เริ่มกลับมาเข้าใจสภาวะของคนกรุงเทพอันแสนจะรัดติ้วว่า คงจะส่งตัวเองไปบ่อยๆไม่ไหวเป็นแน่แท้ อย่างดีก็คงส่งได้แต่ใจกับเงินนั่นแหล่ะ คงต้องอาศัยความช่วยเหลือจากอาจารย์ที่โรงเรียนเป็นคนประสานงาน

โรงเรียนนี้ผมไปด้อมๆมองๆด้วยตัวเองมาหลายรอบแล้ว ของเก่าที่มีสุดแสนจะชำรุดทรุดโทรม ตอนแรกเราก็กะจะแค่ซ่อมแซมเฉยๆ โดยใช้เงินประมาณ สามหมื่นบาท แต่ด้วยความกลัวน้อยหน้าเด็กกระเหรี่ยง ผมเลยเสนออาจารย์ว่าอยากให้มีบ้านเด็กเล่น (Cubby House) สีสันสดใส หน้าตาประมาณรูปด้านล่างมาเพิ่มเติม (ถ้ามีเงินพออ่ะนะ) ราคาเท่าที่สำรวจประมาณ 1.5 – 2.5 หมื่นบาท แล้วแต่ความไฮโซ

image image image

อย่างอื่นทำลวกๆได้ แต่ถ้าเป็นของให้เด็กใช้แล้วล่ะก็ คงต้องทำให้ดีที่สุด ที่จริงเราก็เริ่มทำกันไปแล้วล่ะครับ โดยโครงการนี้คาดหวังให้เสร็จภายในต้นปีหน้า ถ้ามีใครสนใจอยากร่วมด้วยช่วยกัน ติดต่อได้ที่ผม (หนุ่ย) ได้เลยครับที่เบอร์โทร 0818417480 หรืออีเมล์ kittiu@gmail.com หรือจะช่วยด้วยการส่งข่าวต่อก็ยินดี

ส่วนซ่อมแซม ผมกับเพื่อนๆจะทำไปก่อนเลย เงินที่ได้มาเพิ่มจะเอาไปซื้อ Cubby House เพิ่มเติม หรือถ้ามีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมก็ยินดีรับฟังครับ


หมายเหตุ: บทความนี้เขียนไว้เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2552